ผมเดินทางไปญี่ปุ่นหลายครั้ง และสังเกตเห็นว่าชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับเทศกาลคริสต์มาสในแบบที่แตกต่างจากชาติตะวันตก แม้ว่าประชากรส่วนใหญ่จะไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ แต่พวกเขากลับรับเอาวัฒนธรรมคริสต์มาสมาผสมผสานกับวิถีชีวิตได้อย่างน่าสนใจ
30 ปีที่แล้ว ตอนที่ผมไปเรียนที่มหาวิทยาลัยโตเกียว เพื่อนร่วมชั้นชาวญี่ปุ่นเล่าให้ฟังว่า คริสต์มาสในญี่ปุ่นเป็นเทศกาลสำหรับคู่รัก คล้ายกับวันวาเลนไทน์ในบ้านเรา ครอบครัวญี่ปุ่นจะใช้เวลาช่วงคริสต์มาสอีฟด้วยการพาลูกๆ ไปเดินชมไฟประดับตามห้างสรรพสินค้าและถนนหนทาง
ที่น่าแปลกใจคือ อาหารคริสต์มาสของญี่ปุ่นไม่ใช่ไก่งวงอบแบบตะวันตก แต่เป็นไก่ทอดจากร้าน KFC ย้อนไปเมื่อปี 1974 ร้าน KFC ในญี่ปุ่นเริ่มแคมเปญ “Kentucky for Christmas” จนกลายเป็นประเพณีที่หลายครอบครัวต้องสั่งจองไก่ทอดล่วงหน้าเป็นเดือน

ห้างสรรพสินค้าในญี่ปุ่นจะเริ่มตกแต่งร้านด้วยต้นคริสต์มาสและไฟประดับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน บรรยากาศคึกคักด้วยผู้คนที่มาเลือกซื้อของขวัญให้คนที่รัก โดยเฉพาะคู่หนุ่มสาวที่มักจะแลกของขวัญกันในคืนคริสต์มาสอีฟ
เด็กญี่ปุ่นจะตื่นเต้นกับการรอคอยซานตาคลอส หรือที่พวกเขาเรียกว่า “ซันตะ ซัง” มาส่งของขวัญในคืนคริสต์มาสอีฟ พ่อแม่ญี่ปุ่นจะแอบนำของขวัญมาวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาสหรือข้างหมอนของลูกๆ ในยามดึก
ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าจะมีโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ตั้งแต่เค้กคริสต์มาสที่ตกแต่งสวยงาม ไปจนถึงชุดของขวัญสุดพิเศษ แต่ที่แปลกคือ พอถึงวันที่ 26 ธันวาคม การตกแต่งคริสต์มาสจะถูกเก็บเกี่ยวหมดสิ้น เพราะชาวญี่ปุ่นต้องเตรียมตัวต้อนรับเทศกาลปีใหม่ หรือ “โชกาซึ” ซึ่งเป็นเทศกาลดั้งเดิมที่สำคัญที่สุดของพวกเขา

คริสต์มาสในญี่ปุ่นจึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานวัฒนธรรม ที่แม้จะไม่ได้ยึดติดกับความหมายทางศาสนาดั้งเดิม แต่ก็สร้างความสุขและความทรงจำดีๆ ให้กับผู้คนได้ไม่แพ้ชาติตะวันตก บางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของญี่ปุ่น ที่สามารถรับวัฒนธรรมต่างชาติมาปรับใช้ได้อย่างเป็นเอกลักษณ์และกลมกลืน.
