วินาทีประวัติศาสตร์ที่เปลี่ยนชาติญี่ปุ่น
“โมชิ โมชิ” (ฮัลโหล) เสียงแผ่วเบาของคุณลุงทาเคชิ วัย 92 ปี ดังขึ้นขณะที่ผมนั่งจิบชาเขียวอยู่ที่บ้านของท่านในเมืองคามาคุระ
“ผมจำได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน” คุณลุงทาเคชิเริ่มเล่า ขณะที่สายตาของท่านจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ราวกับกำลังย้อนกลับไปในวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1945
ญี่ปุ่นเรียกวันนั้นว่า “เกียวคุอิชิ” (玉音放送) หรือ “วันที่เสียงของสวรรค์ดังก้อง”
เที่ยงตรงของวันนั้น วิทยุทุกเครื่องในญี่ปุ่นถ่ายทอดเสียงของจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ หรือที่รู้จักในพระนาม จักรพรรดิโชวะ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
“ผมยังเด็กมาก แต่จำได้ว่าทุกคนในบ้านคุกเข่าก้มหน้า บางคนน้ำตาไหล ขณะฟังพระสุรเสียงของเท็นโน่ เฮกะ (天皇陛下 – องค์จักรพรรดิ)”
พระราชดำรัสใช้ภาษาราชสำนักที่ยากจะเข้าใจ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็ต้องฟังหลายรอบ คำว่า “ยอมแพ้” ไม่ได้ถูกเอ่ยออกมาตรงๆ แต่ใช้คำว่า “ทนรับสภาวะที่ทนไม่ได้” (堪ヘ難キヲ堪ヘ)
“โอกะอะซัง (แม่) ของผมร้องไห้ไม่หยุด” คุณลุงทาเคชิเล่าต่อ “เธอเพิ่งเสียพี่ชายไปในสงครามที่โอกินาว่า แต่พอได้ยินว่าสงครามจบ เธอบอกว่าดีใจที่ลูกๆ จะไม่ต้องตายในสนามรบอีก”
วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าว ผู้คนในโตเกียวยืนฟังเสียงจากลำโพงตามท้องถนน บางคนคุกเข่า บางคนยืนตัวตรง แต่ทุกคนน้ำตาไหล
“มันเป็นความเงียบที่ดังที่สุดที่ผมเคยได้ยิน” คุณลุงทาเคชิพูดเบาๆ “หลังจากพระราชดำรัสจบ ไม่มีใครพูดอะไร ได้ยินแต่เสียงจักจั่นร้อง”
ผมนั่งฟังคุณลุงทาเคชิเล่าไปพลางจิบชาไปพลาง นึกถึงคำที่ชาวญี่ปุ่นมักพูดว่า “อิชิโกะ อิชิเอะ” (一期一会) แปลว่า หนึ่งชีวิต หนึ่งการพบเจอ
การได้ฟังเรื่องเล่าจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไมญี่ปุ่นจึงยึดมั่นในสันติภาพอย่างเหนียวแน่น
“เฮวะ วะ ทะอิเซ็ตสึ เดส” (สันติภาพสำคัญที่สุด) คุณลุงทาเคชิพูดทิ้งท้าย ก่อนที่จะรินชาให้ผมอีกถ้วย
สงครามจบลงแล้ว 79 ปี แต่บทเรียนจากวันนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของชาวญี่ปุ่นไม่เคยจางหาย.