‘อยู่คนเดียวก็มีความสุขได้’ วิถีโสดญี่ปุ่นยุคใหม่
ผมยังจำภาพตอนที่เดินเข้าร้านอาหารเล็กๆ ย่านเมกุโระเมื่อ 2 ปีก่อนได้ดี
คุณมิซึกิ หญิงสาววัย 35 นั่งทานข้าวอยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์
พร้อมกับอ่านนิยายเล่มโปรดไปด้วย เธอบอกผมว่า “ฉันชอบการกินข้าวคนเดียวนะคะ มันทำให้ฉันรู้สึกเป็นอิสระ”
สถิติล่าสุดจากกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสารของญี่ปุ่นปี 2023
ระบุว่า ประชากรที่อาศัยอยู่คนเดียวในญี่ปุ่นพุ่งสูงถึง 40% ของครัวเรือนทั้งหมด สูงที่สุดในประวัติศาสตร์
“โอฮิโตริซามะ” หรือ การใช้ชีวิตโสด กลายเป็นวิถีชีวิตที่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่เลือก
ไม่ใช่เพราะจำเป็น แต่เพราะพวกเขา “เลือก” ที่จะอยู่แบบนี้
คุณทานากะ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคมศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว
เคยให้สัมภาษณ์ผมว่า “คนรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นมองว่าการแต่งงานไม่ใช่เส้นทางเดียวของชีวิต
พวกเขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาตัวเองและอาชีพการงานมากกว่า”
ย้อนไปเมื่อ 30 ปีก่อน ตอนที่ผมเพิ่งมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ
การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่สังคมมองว่าผิดปกติ
ผู้หญิงที่ไม่แต่งงานจะถูกเรียกว่า “คริสมาสต์เค้ก” – ของที่ไม่มีใครต้องการหลังอายุ 25
แต่วันนี้ ธุรกิจมากมายปรับตัวรองรับคนโสด
ตั้งแต่อพาร์ตเมนต์ขนาดกะทัดรัด
ร้านอาหารที่ออกแบบที่นั่งสำหรับคนเดียว
ไปจนถึงบริการท่องเที่ยวสำหรับคนเดินทางคนเดียว
สถิติจาก JTB บริษัทท่องเที่ยวยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นชี้ว่า
การจองแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบ “โซโล ทราเวล” เพิ่มขึ้น 300% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
“ผมว่าการอยู่คนเดียวมันดีนะ” คุณยามาดะ วิศวกรหนุ่มวัย 28
เล่าให้ผมฟังระหว่างนั่งดื่มกาแฟที่ร้านสตาร์บัคส์ย่านชิบูยา
“ผมมีเวลาให้ตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่ชอบ ไม่ต้องปรับตัวเข้าหาใคร”
แต่ความท้าทายก็มี รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังกังวลกับอัตราการเกิดที่ต่ำลงเรื่อยๆ จาก 1.34 ในปี 2020
เหลือเพียง 1.26 ในปี 2023 ต่ำที่สุดในรอบ 100 ปี
ผมถามคุณมิซึกิว่าเธอกังวลเรื่องอนาคตไหม
เธอยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันวางแผนการเงินไว้แล้วค่ะ มีเงินเก็บ มีประกัน และที่สำคัญ ฉันมีเพื่อนที่เข้าใจกัน เราดูแลกันได้ยามแก่”
วิถีโสดในญี่ปุ่นสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของสังคมที่ลึกซึ้ง จากสังคมที่มองว่าการแต่งงานคือหน้าที่
สู่สังคมที่ให้อิสระในการเลือกวิถีชีวิต
เหมือนที่คุณทานากะบอกผมตอนท้าย
“มันไม่ใช่เรื่องถูกผิด แต่เป็นเรื่องของการเคารพการตัดสินใจของแต่ละคน
สังคมที่ดีต้องเปิดพื้นที่ให้คนทุกกลุ่มอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข”