ผมไม่ใช่คนเก่งธุรกิจ
ไม่ได้มีเงินก้อน
ไม่ได้มีเวลาเยอะ
แต่ผมมี “คำถามเดียวในหัว” ที่วนซ้ำทุกสิ้นเดือน…
“นอกจากงานประจำ…เราจะหาเงินจากที่ไหนได้อีก?”
ชีวิตผมตอนนั้นก็เหมือนหลายคน
ทำงานจันทร์ถึงศุกร์ รอเงินเดือนเข้า รู้สึกแค่พออยู่ได้ แต่ไม่พอเก็บ
เคยพยายามขายของออนไลน์ ขายของแมสในตลาดที่คนแข่งกันตัดราคา
สุดท้ายกำไรนิดเดียว เหนื่อยฟรีก็หลายรอบ
จนวันหนึ่ง ผมเจอกับคำว่า “Yahoo! Japan Auctions”
และนั่นแหละ…มันเปลี่ยนชีวิตผมไปเลย
ผมไปเจอฟอรั่มหนึ่งใน Reddit ที่มีคนแชร์ว่า เขาประมูลของจากญี่ปุ่นมาขายต่อในประเทศตัวเอง
ผมเริ่มสนใจมาก เพราะผมเป็นคนชอบของญี่ปุ่นอยู่แล้ว ทั้งของสะสม เสื้อผ้า กล้องเก่า
เลยลองเข้าไปดูในเว็บประมูลของญี่ปุ่นอย่าง Yahoo! Auctions, Mercari, Rakuma
สิ่งที่ผมเห็นคือ…
- ฟิกเกอร์แท้ราคา 300-500 บาท ที่ไทยขายกัน 1,200+
- กล้องฟิล์มมือสองที่ยังใช้งานได้ สภาพดี ราคาไม่ถึงพัน
- เสื้อทีมฟุตบอลญี่ปุ่นวินเทจ ที่วัยรุ่นไทยกำลังตามหา
- กระเป๋าแบรนด์มือสองที่ดูใหม่จนแทบไม่เชื่อว่าไม่ใช่มือหนึ่ง
ผมใช้เวลาหลังเลิกงาน ศึกษาทุกอย่าง
เริ่มจากดูราคาตลาดในไทย
เช็คค่าขนส่ง ค่านำเข้า
เทียบราคา ดูความนิยม ดูว่าอะไร “คนไทยอยากได้แต่ไปไม่ถึง”
ครั้งแรก ผมลองประมูลฟิกเกอร์ราคาประมาณ 400 บาท รวมส่งถึงไทยประมาณ 700 บาท
ลองเอามาลงขายในกลุ่มสะสมใน Facebook ด้วยราคา 1,290 บาท
ผ่านไป 3 วัน…มีคนโอนเงินเข้ามา!
ผมตกใจมาก ไม่ใช่แค่เพราะได้กำไร แต่เพราะ
นี่คือครั้งแรกที่ผม “หาเงินเอง” โดยไม่ต้องรอเงินเดือน
จากนั้นผมเริ่มลองทีละชิ้น
บางเดือนประมูลแค่ 5-10 รายการ
แต่กำไรต่อเดือนมากกว่าเงินเดือนโอทีทั้งเดือนที่บริษัท
พอผมเริ่มจับทางได้ ผมแบ่งหมวดชัดเจน
- ของแรร์ ขายคนสะสม → กำไรสูง ชิ้นเดียวก็คุ้ม
- ของแฟชั่น ขายวัยรุ่น IG → หมุนไว ขายเร็ว
- กล้องฟิล์ม ขายตลาดกลาง → มีกลุ่มคนรอซื้ออยู่แล้ว
จากเดิมที่เคยติดลบเงินเดือน
ตอนนี้ผมเริ่มมีรายได้เสริมหลักหมื่น จากของแค่ไม่กี่ชิ้น
ไม่ได้ร่ำรวย ยังไม่ได้ลาออกจากงาน
แต่ที่แน่ๆ ผม “ตั้งหลักชีวิตได้” จากของมือสองที่ญี่ปุ่นไม่เห็นค่า
ผมไม่ได้มีเส้นสาย ไม่ได้เริ่มจากเงินก้อน
แต่เริ่มจากแค่…ความสงสัย
และลงมือทำ
ถ้าคุณกำลังมองหารายได้เสริมที่ไม่ต้องสต็อกของเยอะ
ไม่ต้องแข่งตัดราคาแบบของแมส
แต่ใช้สายตาและความเข้าใจ “ของที่คนอยากได้แต่ยังหาไม่เจอ”
การประมูลของจากญี่ปุ่น อาจเป็นโอกาสของคุณเหมือนที่มันเป็นของผม
ประตูสู่ญี่ปุ่น ในคลิกเดียว : http://www.d-taro.com